พ ศิ น อินทร วง ค์ ประวัติ: ชีวิตและการทำงานของหนึ่งในสมเด็จพระเจ้าลูกยางเสือ
พ ศิ น อินทร วง ค์ เป็นหนึ่งในสมเด็จพระเจ้าลูกยางเสือที่ได้รับความสนใจมากในประวัติศาสตร์ไทย เนื่องจากชีวิตและการทำงานของเขามีความสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยในยุคสมัยที่ผ่านมา พ ศิ น อินทร วง ค์ เกิดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2435 ที่พระอำเภอบางนางร้อง จังหวัดนครปฐม เป็นลูกคนที่สองของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปรมานุชิติสุข และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีนครินทร์ พระอังศาสุริยเดช
เมื่อเขายังเป็นเด็ก พึ่งจะได้รับการศึกษาที่โรงเรียนสตรีวิทยาลัยแห่งกรุงเทพฯ ต่อมาเขาได้เรียนต่อที่หน่วยดูแลบริหารโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนเวสเทิร์น ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ หลังจากเสร็จการศึกษาแล้ว เขาได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่รับใช้ที่วังพระราชนิเวศน์ และเป็นเจ้าฟ้าตั้งแต่อายุ 20 ปี
ในปี พ.ศ. 2460 เขาได้รับการเลือกให้เป็นนักวิเคราะห์การเงินและการลงทุนของธนาคารแห่งประเทศไทย และได้ทำงานในตำแหน่งนี้เป็นเวลากว่า 20 ปี ในช่วงที่เขาทำงานอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เขาได้เป็นกษัตริย์อัครมเหสีครั้งที่ 7 และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารของธนาคารแห่งประเทศไทยในระยะเวลาที่ยาวนาน
นอกจากนี้ พ ศิ น อินทร วง ค์ ยังมีบทบาทในการพัฒนาและการส่งเสริมสิ่งของชาติ โดยเขาได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลในหลายๆ โครงการ มีเช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย การสนับสนุนตลาดการเงินภาคธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยและการสร้างงานที่น่าตื่นเต้น นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาที่เน้นการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ในการรับรางวัล พ ศิ น อินทร วง ค์ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเครื่องราชาภิเษกจากสมเด็จพระเจ้าอย่างสมเกียรติ และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์อัครมเหสีที่มีความสามารถทางการเงินเป็นอย่างมาก
จากการศึกษาชีวิตและการทำงานของพ ศิ น อินทร วง ค์ พบว่าเขาเป็นหนึ่งในสมเด็จพระเจ้าลูกยางเสือที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการเงินและการลงทุน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเหลือในการส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่นในประเทศ ดังนั้นจึงมีความสำคัญที่จะรักษาและสืบทอดคุณค่าและประโยชน์ในด้านต่างๆ จากชีวิตและการทำงานของพ ศิ น อินทร วง ค์ ต่อๆ ไปแก่รุ่นหลัง อย่างที่สมเด็จพระเจ้าฯลูกยางเสือได้เตือนไว้ว่า “การไม่รักษาคุณค่าและทรัพย์สินทางปัญญาเป็นการทำลายมรดกทางสังคมและประวัติศาสตร์ของชาติ”